เปลี่ยนจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล ต้องทำอะไรบ้าง
6 สิ่งที่ต้องทำหลักจากเปลี่ยนรูปแบบกิจการจากบุคคลธรรมดาเป็นนิติบุคคล เช่น บริษัทจำกัด หรือ ห้างหุ้นส่วนจำกัด คือ
1. เปิดบัญชีเงินฝากธนาคารในนามบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล
สิ่งแรกๆที่ควรทำหลังจากจดทะเบียนตั้งนิติบุคคล คือ เปิดบัญชีธนาคารในนามบริษัทจำกัด หรือ เปิดบัญชีธนาคารในนามห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล นั้นๆ เพื่อใช้ในการทำธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับกิจการโดยเฉพาะ จะได้ไม่ปะปนกับบัญชีธนาคารส่วนตัวของเจ้าของ
เจ้าของกิจการ (บุคคลธรรมดา) ไม่ควรใช้บัญชีเงินฝากธนาคารส่วนตัวปนกับบัญชีเงินฝากธนาคารของนิติบุคคล เพราะจะทำให้เกิดความสับสน เกิดความยุ่งยากในการพิสูจน์รายการ ว่ารายการใดเป็นของส่วนตัว รายการใดเป็นของกิจการ และเสี่ยงต่อการโดนส่งข้อมูลให้กรมสรรพากรหากจำนวนครั้งและ/หรือจำนวนเงินที่เข้าบัญชีนั้น เข้าเงื่อนไขที่กรมสรรพากรกำหนดให้ธนาคารต้องนำส่งข้อมูลให้
ในการเปิดบัญชีธนาคารในนามนิติบุคคล จะต้องใช้เอกสารมากมาย หนึ่งในนั้นคือ รายงานการประชุมเพื่อขอเปิดบัญชีธนาคาร สามารถคลิกที่ลิงค์ เพื่อดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้
2. ภาษีมูลค่าเพิ่ม
หากรายได้ถึง 1.8 ล้านบาท/ปี จะต้องดำเนินการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
กรณีเป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- เมื่อมีการขายสินค้าหรือให้บริการ จะต้องออกใบกำกับภาษีขาย
- เมื่อมีการซื้อสินค้าหรือรับบริการจากผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องขอใบกำกับภาษี เพื่อนำมาใช้เป็นภาษีซื้อ
ใบกำกับภาษี ทั้งใบกำกับภาษีขาย และใบกำกับภาษีซื้อ จะต้องมีรายการถูกต้อง ครบถ้วน
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นประจำทุกเดือน ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป ไม่ว่าเดือนนั้นจะมียอดซื้อ/ยอดขายหรือไม่ก็ตาม
3. ภาษีหัก ณ ที่จ่าย
เป็นหน้าที่ที่กฎหมายกำหนดให้นิติบุคคลผู้จ่ายเงิน เมื่อมีการจ่ายเงิน เช่น ค่าแรง ค่าบริการต่างๆ ค่าเช่า ดอกเบี้ย เงินปันผล เป็นต้น จะต้องทำการหัก ณ ที่จ่าย ในอัตราตามที่กรมสรรพากรกำหนด และนำส่งกรมสรรพากรภายในวันที่ 7 ของเดือนถัดจากเดือนที่มีการจ่ายเงิน
4. เก็บเอกสาร บิลซื้อ - บิลขาย
นิติบุคคลจะต้องจัดทำบัญชี และในการทำบัญชีนั้นจะต้องมีเอกสารประกอบการลงรายการบัญชี
ดังนั้น เมื่อมีการขายสินค้าหรือรับเงินค่าบริการก็ต้องมีการออกใบเสร็จรับเงินให้ถูกต้อง และเมื่อซื้อวัตถุดิบเพื่อใช้ผลิตสินค้าหรือ บริการ หรือจ่ายค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับกิจการ ต้องขอบิลทุกครั้ง และรายละเอียดในบิลต้องถูกต้องครบถ้วน เพื่อให้สามารถนำมาใช้เป็นค่าใช้จ่ายทางภาษีได้
5. จัดทำบัญชี
ไม่ว่าจะเป็น บิลซื้อ-บิลขาย ใบกำกับภาษีซื้อ ใบกำกับภาษีขาย หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย เจ้าของกิจการ ต้องรวบรวมและสรุปนำส่งให้ "ผู้ทำบัญชี" เพื่อนำไปดำเนินการลงบัญชี ปิดบัญชี และจัดทำงบการเงินตามรอบเวลา
ผู้ทำบัญชีจะต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย โดยจะเป็นพนักงานของบริษัท หรือว่าจ้างบุคคลภายนอก เช่น สำนักงานบัญชี หรือ ฟรีแลนซ์รับทำบัญชี ก็ได้
ค้นหาและเลือกสรร "ผู้ทำบัญชี" ให้กิจการคุณกับ Accounting Center ได้ง่ายๆ เพียงคลิกที่รูปด้านล่างนี้....เรารวบรวมรายชื่อสำนักงานบัญชี ผู้ทำบัญชีอิสระ มาให้คุณแล้ว #สะดวก #ง่าย #ประหยัดเวลาตามหา
6. จัดหาผู้สอบบัญชี
ผู้สอบบัญชี คือ คนนอกที่เป็นอิสระต่อกิจการ มีหน้าที่ตรวจสอบว่างบการเงินของกิจการ (ที่ผู้ทำบัญชีเป็นคนทำ) ถูกต้องตามควรหรือไม่
นิติบุคคลจะต้องจัดให้มีผู้สอบบัญชี ตรวจสอบและแสดงความเห็นต่องบการเงินประจำปี ก่อนที่จะนำส่งงบการเงินต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
ค้นหาและเลือกสรร "ผู้สอบบัญชี" ให้กิจการคุณกับ Accounting Center ได้ง่ายๆ เพียงคลิกที่รูปด้านล่างนี้....เรารวบรวมรายชื่อผู้สอบบัญชีมาให้คุณแล้ว #สะดวก #ง่าย #ประหยัดเวลาตามหา
---
ที่มาข้อมูล: https://www.taxliteracy.academy